(exo) I Almost Do | lubaek
ลู่หานตัดสินใจโทรศัพท์หาแบคฮยอนหลังจากทิ้งมาเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ นั่นทำให้เขาได้รับรู้บางอย่างที่ไม่เคยคาดคิด?
ผู้เข้าชมรวม
406
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title: I Almost Do
Pairing: Lubaek (Luhan x Baekhyun)
Rating: PG
Author: kæreste
A/N: เรื่องนี้เป็นฟิควูบที่ได้มาจากการฟังเพลง I Almost Do ของ Taylor Swift ซ้ำไปซ้ำมา ๕๕๕๕ เพราะงั้นจะบอกว่าเป็น Song Fic ก็ได้ครัช J กรี๊ดกร๊าดสกรีมลงทวิต อย่าลืมติดแท็ค #ลู่แบคตู้โทรศัพท์แดง เป็นเรื่องสั้น มีแท็คทำไมไม่รู้ ๕๕๕๕
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
I Almost Do
I thought your life would be better without me being in it, so I let go of you thinking it’d be good
But now I just stopped and found myself can’t live without you there
ตู้โทรศัพท์สาธารณะสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศอังกฤษถูกจับจองโดยชายหนุ่มชาวเอเชียวัยยี่สิบต้นมาเป็นเวลาพักใหญ่แล้ว และมันคงไม่แปลกหากว่าเขากำลังยกหูโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับใครบางคนที่อยู่ห่างไกลออกไป ไม่ใช่การยืนนิ่งแล้วจับจ้องสายตาไปที่ของตรงหน้าโดยไม่คิดแตะต้องมันแม้แต่น้อย
มือเรียวข้างหนึ่งกำเศษเหรียญที่เพิ่งแลกมาจากร้านสะดวกซื้อใกล้เคียงแน่นจนขึ้นข้อขาว ริมฝีปากบางถูกเม้มเข้าหากันจนแนบสนิท ในขณะที่ดวงตาคู่สวยมีแต่แววของความลังเล บ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังคิดอยู่ในใจไม่ตกว่าควรจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดเบอร์ลงไปเพื่อโทรออก หรือว่าควรจะเดินจากไปจากสถานที่แห่งนี้โดยไม่หันหลังกลับมาอีกกันแน่
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ลู่หานก็รู้ตัวดีว่าเขาเป็นคนประเภทที่ไม่อาจเอาชนะความกลัวของตัวเองได้อยู่แล้ว นั่นหมายความว่าทุกครั้งทุกคราที่ตั้งใจจะทำอะไรที่ไม่มั่นใจ เขาก็เป็นอันต้องยกเลิกอยู่ดีเพราะความรู้สึกที่เข้าเกาะกุมจิตใจ แต่ว่าในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เขาไม่ได้ต้องทำอะไรที่เสี่ยงหรือต้องตัดสินใจซับซ้อนทั้งสิ้น หากชายหนุ่มก็ไม่คิดว่าเขาควรจะยกหูโทรศัพท์แล้วโทรหาคนรักที่ตัวเองทิ้งมาเรียนต่อหรอก
เขามันนิสัยไม่ดี ก็รู้ตัวดี คนรักดีๆ ที่ไหนกันล่ะที่จะทิ้งแฟนของตัวมาเรียนต่อต่างประเทศโดยไม่บอกกล่าว แต่เพราะเขามันโง่เองถึงได้คิดอะไรทุเรศแบบนั้นออกมา บอกกับตัวเองว่าถ้าอีกฝ่ายไม่รู้และไม่มาส่งก็คงจะดี เขาจะได้ไม่เสียใจกับการจากลาที่สนามบินและหมอนั่นก็จะได้เริ่มต้นใหม่กับใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
ลู่หานรู้ตัวว่าเขาเป็นแฟนที่แย่มาตั้งแต่เริ่มคบกัน เพราะแบบนั้นถึงได้ตัดสินใจครั้งสุดท้ายเพื่อปล่อยให้คนรักได้เดินออกไปหาคนที่ดีกว่าเขา ดูแลและเอาใจใส่มากกว่าเขา
หากสุดท้ายก็เป็นตัวเขาเองแท้ๆ ที่ไม่อาจทำใจปล่อยอีกฝ่ายให้เดินออกไปจากชีวิตได้ มีหลายครั้งที่คิดจะโทรศัพท์ไปหาและถามไถ่ถึงสารทุกข์สุกดิบ แต่ก็ต้องล้มเลิกกลางคัน เพราะเตือนใจตัวเองเอาไว้ได้ว่าเขาเป็นคนที่เดินจากมาและตัดสินใจเรื่องทั้งหมด
เขาคิดว่าตัวเองจะสบายดี ไม่คิดมาก และมีความสุขกับการที่เห็นคนอื่นดูแลพยอนแบคฮยอนได้ดีกว่าเขา
แต่นั่นมันก็โกหกทั้งเพ ลู่หานเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาหลอกตัวเองมาโดยตลอดว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างสบายใจในชีวิตที่ไม่มีอีกฝ่าย แม้ว่าความจริงจะไม่เป็นเช่นนั้น และตอนนี้ที่เขากำลังเผชิญกับปัญหา แบคฮยอนก็เป็นคนที่เขาต้องการมากที่สุด
ขอแค่ได้ยินเสียงก็ยังดี…
จุดรอยยิ้มเศร้าขึ้นบนริมฝีปาก ก่อนมือเรียวจะเอื้อมไปกดเบอร์โทรศัพท์ที่เขาจำได้ขึ้นใจหลังจากยกหูโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นมาแล้ว ชายหนุ่มหยอดเหรียญจำนวนมากลงไประหว่างรอให้สายต่อไปถึงคนปลายทางที่เชื่อว่ายังคงพำนักอาศัยอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้
ลู่หานได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หลังจากเก้าเดือนที่ไม่ได้พบกัน
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มของปลายสายที่ฟังดูไม่คุ้นเคย กระตุกหัวใจของผู้ชายที่ตัดสินใจพลาดให้หล่นวูบ ชายหนุ่มเชื้อสายจีนได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่สักพัก ไม่ได้ทำใจเสียด้วยซ้ำว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เขาคิดมาตลอดว่าแบคฮยอนจะยังคงใช้เบอร์เดิม เหมือนตลอดหลายปีที่ใช้มันมา
นั่นไงล่ะ นายคิดเองเออเองอีกแล้วนะลู่หาน เหมือนที่คิดมาตลอดก่อนจะบินมาไม่มีผิด
เขายิ้มเยาะตัวเองอยู่ในใจ บางทีความโง่เง่าก็ไม่เคยจากไปแม้แต่วินาทีเดียว
“สวัสดีครับ” สุดท้ายแล้วก็ทำใจกล้า ก่อนจะส่งเสียงตอบกลับไปโดยพยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ผ่านทางน้ำเสียงทั้งสิ้น “นั่นเบอร์ของแบคฮยอนหรือเปล่าครับ”
ตอบฉันทีสิว่าใช่…
“ใช่ครับ แบคฮยอนอยู่หลังบ้าน จะให้บอกว่าใครโทร.มาดีครับ”
ลู่หานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอยิ้มกว้างขนาดไหนตอนที่ได้ยินคำตอบนั้นหลุดออกมาจากปากของผู้ชายแปลกหน้าที่ปลายสาย หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวคล้ายจะกลับมาพองโตอีกครั้งเพราะคำพูดนั้น ดีใจจนไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าคู่สนทนาที่กำลังพูดด้วยเป็นใคร
“ล…ลู่หานครับ บอกเขาว่าลู่หานโทร.มา” เขาละล่ำละลักตอบกลับไปอย่างลนลานเพราะความตื่นเต้น
“โอเคครับ ผมจะบอกให้” ปลายสายหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเงียบไปชั่วครู่ ลู่หานได้ยินเสียงตะโกนเรียกให้เจ้าของชื่อในบทสนทนามารับโทรศัพท์
และเพียงไม่กี่อึดใจต่อมา น้ำเสียงคุ้นเคยที่เขาอยากได้ยินมาตลอดหลายเดือนก็ดังขึ้น
“มีอะไร”
คำทักทายของพยอนแบคฮยอนห้วนสั้นและเย็นชา แต่ลู่หานก็เข้าใจดีถึงสาเหตุของมัน ไม่มีเหตุผลที่จะโกรธอีกฝ่ายในเมื่อเป็นตัวเขาเองที่ทำให้ทุกอย่างพังทลาย อันที่จริงเป็นโชคดีมากแล้วด้วยซ้ำที่แบคฮยอนยอมมารับสายโทรศัพท์จากเขาโดยไม่ก่นด่าใดๆ
ชายหนุ่มจุดรอยยิ้มเล็กๆ ขึ้นบนริมฝีปาก แม้จะรู้ว่าคู่สนทนาไม่อาจมองเห็นมัน
“ไม่มีอะไร… แค่อยากได้ยินเสียง”
เสียงพ่นลมทางจมูกแรงๆ ถูกส่งมาตามสายโทรศัพท์ “ถ้าไม่มีอะไรจะวางแล้วนะ”
“เดี๋ยวสิแบคฮยอน”
“ว่าไงล่ะ”
เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอจนไม่อาจพูดสิ่งที่ต้องการออกไป ลู่หานได้แต่นิ่งเงียบแม้จะรู้ว่าหากว่าเขายังคงเป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายก็คงตัดสายไปอย่างไม่ไยดี
แต่ว่าเขาจะพูดออกไปได้อย่างไรกันเล่าว่าที่โทรมาเพราะกำลังเจอกับปัญหาหนักอก อยากจะได้กำลังใจจากคนที่เคยรักกัน ฟังอย่างไรก็ดูเป็นคำพูดของคนเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากคนที่ตัวเองทิ้งมา ลู่หานเพิ่งจะคิดได้ก็เดี๋ยวนี้เองว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันผิดทั้งหมด
ถ้าเขาอยากให้แบคฮยอนได้เจอกับใครที่ดีกว่า เขาก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับชีวิตของอีกฝ่ายอีกในเมื่อเลือกแล้วว่าจะเป็นคนที่เดินจากมาจากจุดที่เคยยืน
แต่ในทางกลับกันแล้ว ถ้าหากว่าเขาไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่โดยขาดอีกฝ่ายได้ เขาก็ไม่ควรจะเดินจากมาตั้งแต่แรก
ลู่หาน นายมันโง่
ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจโดยไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรได้เลย
“ลู่หาน ยังอยู่ไหม?” น้ำเสียงของแบคฮยอนที่เจือไปด้วยความกังวลพาให้เจ้าของชื่อยิ้มออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ “นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เราโอเค ไม่ต้องเป็นห่วง” ชายหนุ่มกรอกเสียงตอบกลับคนรักเก่าไปนิ่งๆ พยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกใดผ่านน้ำเสียงให้มากนัก แต่แบคฮยอนก็คือคนรักที่คบกับเขามาตั้งแต่มัธยม จึงไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายจะไม่เชื่อถือในคำโกหกของเขา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่หานรู้สึกว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาดีจนเกินไป
“ถ้านายโอเคจริง ก็คงไม่โทร.มาหาหลังจากเงียบหายไปเก้าเดือนแบบนี้หรอก” คนทางปลายสายถอนหายใจ “ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไหนๆ ก็โทรมาแล้ว ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ”
“ทำไม…ถึงต้องทิ้งฉันไปเหรอ”
น้ำเสียงของคนถามออกไปทางเรียบเฉย แต่คนฟังกลับรู้สึกว่าหัวใจที่เคยส่งจังหวะถี่รัวเพราะตื่นเต้นที่ได้คุยกับคนรักเก่าเหมือนจะหล่นลงไปกองที่ตาตุ่มอีกครั้ง ลู่หานไม่สามารถนึกหาคำมาบรรยายสาเหตุที่แท้จริงของการเดินจากมาให้ดูดีหรือน่าฟังขึ้นมาได้ และเขาก็ไม่คิดว่าควรจะบอกมันไปตรงๆ กับคนอีกฝั่งฟ้าให้ได้ฟัง แต่ปากเจ้ากรรมก็พลั้งเอ่ยออกไปโดยทันทีที่ได้ฟังคำถาม
“ฉันอยากให้นายได้เจอกับคนอื่นที่ดีกว่าฉัน”
“ก็เลยไปเรียนต่อโดยไม่บอกกันน่ะเหรอ”
ชายหนุ่มได้แต่นิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรออกไป รู้ดีว่าแบคฮยอนคงจะไม่พอใจ หากว่าก็ไม่อยากจะแก้ตัวให้เรื่องวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม ทั้งหมดที่พูดออกไปคือความจริง เขาไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เพราะแบบนั้นการให้คำตอบไปแล้วไม่พูดอะไรอีกอาจจะเป็นการดีที่สุดแล้ว
เขาเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
“ลู่หาน นายคงไม่รู้หรอกนะเพราะนายไม่เคยติดต่อมาเลยหลังจากที่บินไปอังกฤษ”
“…”
“แต่ว่าตอนที่นายหายไป ฉันกังวลแทบบ้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า แล้วฉันก็ไล่ถามคนอื่นไปทั่วว่านายไปไหนหรือกับใคร และในเมื่อไม่มีใครยอมตอบ ฉันก็เลยพยายามหาด้วยตัวเองว่านายไปไหนจนกระทั่งเพื่อนบ้านของนายยอมบอกฉันว่า นายไปเรียนต่อที่อังกฤษ” น้ำเสียงของพยอนแบคฮยอนไม่ได้สั่งเครือเหมือนจะร้องไห้ แต่มันกลับแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดที่คนฟังสัมผัสได้ “ตอนนั้นฉันรู้แล้วว่านายคงตั้งใจจะทิ้งฉันไปแน่ๆ แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าทำไม หรือว่าฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า นายถึงได้อยากจะเดินออกไปจากที่ตรงนี้”
“เราขอโทษ” นั่นคือทั้งหมดที่เขาจะพูดตอบกลับออกไปได้ ลู่หานได้แต่ฟังความเงียบงันจากคนทางปลายสายที่หยุดพูดไปเสียเฉยๆ เขาไม่รู้ว่าควรจะสรรหาคำใดมาเอ่ยกับแบคฮยอน ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรกับสถานการณ์แบบนี้ ทั้งหมดที่เขาคิดตอนที่เดินจากมาก็แค่ว่า ถ้าหากว่าชีวิตของพยอนแบคฮยอนไม่มีเขา อะไรๆ อาจจะดีขึ้น
เป็นการคิดแบบตื้นๆ ของคนโง่ๆ…
ความเงียบถูกส่งต่อผ่านกันไปมาระหว่างการโทรศัพท์ข้ามประเทศ แบคฮยอนที่เงียบงันเริ่มพาให้ลู่หานใจคอไม่ดี เขาคงจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าหากว่าอีกฝ่ายจะต่อว่าหรือตัดสายของเขาทิ้งไปตั้งแต่ตอนนี้ การที่ปลายสายยังคงถือหูโทรศัพท์อยู่แต่ไม่พูดอะไรทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
สุดท้ายก็เลยได้แต่ถามคำถามสั้นๆ ไปอย่างโง่ๆ
“…แล้วนายถูกใจใครบ้างหรือยังล่ะ”
เสียงพ่นลมออกทางจมูกถูกส่งผ่านมาอีกครั้ง “จนถึงตอนนี้นายยังไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอลู่หาน”
“…”
“ฉันจะไปสนใจใครอีกได้ยังไง ในเมื่อนายคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมี”
“…”
“นายอาจจะทำตัวแย่ไปบ้าง แต่ฉันก็รักในทุกๆ ด้านดีๆ ของนาย รักในสิ่งที่นายทำเพื่อฉัน แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าฉันจะรักใครได้มากเท่านี้อีก”
“แบคฮยอน…”
“มันโง่เนอะ ทั้งๆ ที่นายทิ้งฉันไปแท้ๆ แต่ฉันก็ยังหลอกตัวเองอีกว่านายจะกลับมาสักวัน คนอื่นบอกให้ฉันตัดใจจากนายซะ แต่ฉันก็ยังรอ” เขาได้ยินเสียงพยอนแบคฮยอนถอนหายใจดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ “ลู่หาน แค่นายบอกฉันมาว่าไม่เคยรักฉันเลย แล้วฉันจะตัดใจ”
เจ้าของชื่อลู่หานไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าสิ่งที่เขาควรจะทำคืออะไรกันแน่ ทั้งที่อุตส่าห์เดินออกมาเพื่อให้แบคฮยอนได้มีโอกาสได้พบเจอกับใครใหม่ๆ แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายยังคงรอเขาทั้งที่ไม่รู้จุดหมายปลายทางเสียด้วยซ้ำ คำพูดของแบคฮยอนทำให้เริ่มสับสน จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะโทรศัพท์ไปหาเพื่อฟังเสียงที่คุ้นเคยให้คลายกังวลจากหลายเรื่องในชีวิต กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาตัดสินใจจุดต่อไปของความสัมพันธ์ในตอนนี้แทน
ลู่หานเม้มปากเข้าหากันจนแนบสนิท ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คืออะไรกันแน่ แม้ว่าแบคฮยอนจะบอกว่ารักในด้านดีของเขา โดยให้น้ำหนักกับมันมากกว่าเรื่องแย่ๆ ที่เขาทำ แต่เขากลับไม่แน่ใจจะตัวเองจะสามารถเป็นคนรักที่ดีได้
“แบคฮยอน… เราขอโทษ” สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยออกไปเสียงเบา “แต่เรา…ไม่คิดว่าจะเป็นคนรักที่ดี หรือทำให้แบคฮยอนมีความสุขได้”
“...”
“เราอยากให้แบคฮยอนเปิดใจ ลองคบกับคนใหม่ๆ ดู แต่ถ้าพอเราเรียนจบแล้วนายยังไม่มีใคร ถึงตอนนั้นเราค่อยกลับไปคบกันดีไหม” นี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่เขาคิดขึ้นมาได้ในตอนนี้ ลู่หานจุดรอยยิ้มเศร้าขึ้นบนริมฝีปากของตัวเอง อย่างน้อยๆ เขาก็อยากให้อีกฝ่ายได้ลองเปิดใจแล้วคบกับคนอื่นดู เผื่อว่าจะมีใครที่ทำให้แบคฮยอนมีความสุขได้มากกว่าเขา
ปลายสายนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับมาเสียงแผ่ว “ถ้านายต้องการแบบนั้นล่ะก็…”
คำตอบจากพยอนแบคฮยอนเหมือนจะเป็นการตอบตกลงกับสิ่งที่เขาเพิ่งจะเสนอไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนนัก แต่ก็มากพอแล้วที่จะยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายก็เห็นด้วยและยอมรับในความคิดนั้น และก่อนที่บทสนทนาจะถูกยืดให้ยาวกว่าเดิม ลู่หานก็คิดว่าเขาควรจะตัดสายจากคนอีกฟากฟ้าเสีย แล้วปล่อยให้เวลาอีกสี่ปีทำหน้าที่ของมัน
“งั้นเราวางแล้วนะ” เขาเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะวางหูโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิมโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
“เดี๋ยวก่อ----”
เสียงทั้งหมดถูกตัดหายไป เหลือเพียงแค่ตัวเขาที่ยืนอยู่ในตู้โทรศัพท์สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศอังกฤษ เจตนาที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรกถูกบิดเบือนไปแทบจะทั้งหมด แต่กระนั้นก็ทำให้เขาได้รับรู้ถึงสิ่งที่ไม่เคยคิดคาดมาก่อน
แบคฮยอนยังคงรอเขากลับไป
ลู่หานเปิดประตูตู้โทรศัพท์ให้อ้ากว้าง ก่อนจะก้าวขาออกไปเพื่อกลับสู่ทางเท้าที่ทอดยาวเทียบกับถนน เขาต้องศึกษาที่นี่ต่ออีกเพียงสามปีกว่าๆ เท่านั้นก่อนที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้งหนึ่ง
และในวันที่เขาสำเร็จการศึกษา แล้วเดินทางกลับไปยังที่ที่จากมา
ถึงตอนนั้นก็คงได้รู้ว่าคำตอบของพยอนแบคฮยอนจะเป็นอย่างไร
.END. 19/04/2015 11.44 P.M.
ผลงานอื่นๆ ของ kæreste ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ kæreste
ความคิดเห็น